วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ค้นหาความชอบ เรียนรู้ตามโจทย์ ของตัวเอง ผ่านงานสัปดาห์หนังสือ

วันนี้เป็นวันที่ครูบีมีความสุขมากอีกวันหนึ่งค่ะ
พาเด็กชั้นเรียนทางเลือกม.ปลาย ไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์สิริกิติ์

วันนี้ครูต้น (ครูที่สามารถทำได้ทุกอย่าง) ทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ขับรถพาเด็กๆ ไป เพราะไม่มีคนขับรถคนไหนว่าง

เพราะคิดกันกับครูต้นว่า ถ้าจะให้เด็กเค้าอ่านหนังสือ เราคงต้องให้เขาเลือกเอง เพราะถ้าครูเลือกให้ คงต้องใช้กำลังบังคับให้อ่านกันน่าดู :) แต่งานนี้มีเงื่อนไขว่า หนังสือที่ซื้อโดยมีงบประมาณ คนละ ๑๐๐ กว่าบาทนั้น เลือกได้อย่างอิสระ จะเป็นอะไรก็ได้ แต่เมื่ออ่านจบต้องทำเรื่องย่อ และเหตุผลที่สนใจหนังสือเล่มนี้ แปะแนะนำน้องๆ ไว้ที่ปกหนังสือด้านใน เพื่อคนต่อไปจะได้มาอ่านต่อได้ และไม่ให้ใช้ถุงพลาสติกให้เอาหนังสือใส่กระเป๋าตัวเองไว้เลย ไม่อย่างนั้นต้องถือไว้

เราออกกันตั้งแต่เช้า มีหลายครูหลายคนถามอยู๋เหมือนกัว่าทำไมไม่ให้พ่อแม่พาไป
ก็แหม...มันคนละบรรยากาศ ไปกับเพื่อนไปเลือกอิสระ ความรู้สึกมันก็ต่างกัน ก็สงสัยอยู่เหมือนกันค่ะ ว่าทำไมครูไม่พาเด็กๆ ออกไป ที่งานหนังสือเป็นขุมทรัพย์เลยนะคะ เด็กมีโอกาสได้พบปะนักเขียน ได้เห็นความหลากหลายมากๆ ของหนังสือ แล้วก็ยังได้พูดคุยกับนักเขียน หรือฟังบรรยายด้วย เป็นประสบการณ์ที่ถ้าพูดตามหลัก Brain-Based Learning คือพาไป Patterning ประสบการณ์ เพื่อให้เขาค่อยๆ เชื่อมโยงตัวเขากับหนังสือว่ามีประโยชน์กับเขาอย่างไร

ครูบีเริ่มเดินตอนเช้ากับ ป๋อ เอื้อย แชมป์ บิง ก่อนค่ะ เรานัดกันที่บูธ Q o1 ของโรงเรียน เผื่อจะพลัดหลงกัน ครูยุ้ยจะได้ช่วยติดต่อเพราะคนในงานเยอะมาก

บิงได้หนังสือเป็นคนแรก และทำหน้าที่แนะนำหนังสือให้เพื่อนๆ ด้วย ท่าทางบิงจะชอบอ่านหนังสือมาก ไปแผงไหน บิงจะรู้จักคนเขียนหนังสือคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด เดินไปตรงไหนก็ดูเหมือนบิงจะสนใจไปหมด แล้วไม่ได้สนใจแค่ผ่านๆ ด้วยนะคะ บิงจะอธิบายรายละเอียดได้ นอกจากนั้น บิงยังทำหน้าที่เป็น navigator ให้เพื่อน ๆ เพราะครูบีวางเงื่อนไขว่า รอบแรกจะไม่ซื้อ เราจะเดินดูอย่างเดียว แต่ให้ทำสัญลักษณ์ไว้ จะได้กลับมาซื้อตอนบ่าย

ส่วนป๋อ ก็สนใจหนังสือที่เป็นภาษาจีนมาก น่าแปลกใจที่ป๋ออ่านหนังสือยากๆ และหนังสือดีๆ หลายเล่มอยู่เหมือนกัน เช่น Home-made school ของอาจารย์วิศิษฐ์

แชมป์ก็มีเป้าหมายทันทีเลยว่า จะซื้อหนังสือลายไทย และเป็นเด็กดีมากนะคะจะช่วยครูยุ้ยอยู่ที่บูธ และจะซื้อฝากครูสิษฐ์และครูดิเรกด้วย

ครูบีสังเกตว่าเดินรอบแรกเด็กๆ เค้าจะไม่ยอมไปดูหนังสืออย่างที่ตัวเองอยากดู แต่จะเดินตามครูบีมากกว่า เค้าก็เลยอาจดูเบื่อๆ บ้าง แต่พอบอกให้แยกไป ก็ไม่ยอม

เราไปทานข้าวกลางวันกันในสวน ครูบีให้โจทย์กลุ่มนี้ต่อว่า ช่วงบ่ายให้ไปเดินกันเอง ไปหาขุมทรัพย์ตามแผนที่ที่พาเดินไปตอนช่วงเช้า และไม่ให้ครูต๋อยช่วยด้วยนะคะ ทุกคนต้องว่าจะซื้อหนังสืออะไรให้ได้ตามงบ แล้วกลับมาเจอกันตอนบ่าย ๓ โมงที่จุดนัดพบ แล้วก็ต้องเก็บบิลที่ซื้อหนังสือมาด้วยเพราะจะต้องใช้เบิกงบของโรงเรียน ทีแรกก็กังวลกันใหญ่ เพราะไม่เคยเดินคนเดียว กว่าจะยอมไป เล่นครูๆ กล่อมกันเหนื่อยเลยค่ะ

บิงอาสาบอกไม่ต้องกลัวเพราะมีแผนที่ แล้วทุกคนก็ช่วยกันทวนให้เอื้อยจำจุดนัดพบให้ได้ เผื่อหลงทาง

แล้วครูบีก็แยกไปเดินกับโบส เพราะโบสดูท่าทางจะเป็นคนเดียวที่ยังหาหนังสือที่ชอบไม่ได้เลย
เราเดินไปโซนหนังสือเก่า เพราะมีความชอบคล้ายกันเรื่องบทกวี อยากให้คุณพ่อคุณแม่ไปเห็นภาพเจ้าโบสนั่งจมกองหนังสือเก่า คุ้ยหาหนังสือ นั่งอยู่นานจนเจ้าของร้านหลายร้านชมเลยค่ะว่า ทำไมอายุเท่านี้ อ่านหนังสือปรัชญาแล้ว โบสเลือกหนังสือของ โสเครติส โดยถามรายละเอียดจากเจ้าของร้าน แล้วพาครูบีไปดูบทกวี ได้หนังสือของอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์มาด้วยค่ะ เราอยู่ตรงนั้นกันสักพัก เดินวนไปดูอย่างอื่นบ้าง แต่แล้วก็กลับมาที่เดิม มานั่งจมกันอยู่ที่กองเดิม ดูเจ้าของร้านจะชอบอกชอบใจหนุ่มน้อยนักปรัชญาคนนี้เป็นพิเศษ แวะเวียนมาชวนคุย มาถามว่าเรียนวิชาอะไร ทำไมอ่านหนังสือยากแบบที่ผู้ใหญ่บางคนก็ยังไม่เข้าใจ

สักพักเสียงโทรศัพท์ครูบีก็ดัง คิดเอาไว้อยู่แล้วค่ะว่าต้องเป็นกลุ่มเด็กที่แยกไป ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

ทีแรกครูบีคิดว่าเขาน่าจะเบื่อแล้วจะกลับเพราะเดินกันนานแล้ว หรือไม่ก็ต้องมีปัญหาอะไร แต่พอรับโทรศัพท์ แชมป์บอกว่า ขออยู่ต่ออีกมีคนที่แปลหนังสือที่เขาซื้อกันมาที่เป็นวรรณกรรมเยาวชนแนวใหม่ใช้ภาพเป็นการดำเนินเรื่อง จะขึ้นพูดบรรยาย เขาเลยโทรมาขออนุญาตฟังต่ออีกหน่อย

ครูบีดีใจรีบอนุญาตแทบไม่ทันน่ะค่ะ เสียงเด็กๆ เค้าตื่นเต้นมาก

ส่วนเจ้าพลอยครูบีก็เลยได้รู้ว่าชอบแมวมากเป็นชีวิตจิตใจเหมือนครูบีเลย เราก็เลยได้เลือกดูหนังสือเกี่ยวกับแมวด้วยกัน

แทนหลังจากเลือกการ์ตูนที่ชอบเสร็จแล้ว ตอนแรกนึกว่าจะไม่ยอมดูหนังสืออย่างอื่น แต่หลังจากเพื่อนๆกลับกันหมดแล้ว เหลือครูบี แทน พลอย โบส ครูบีก็ไล่ให้เด็กๆ ไปหาหนังสือกันเอง ไม่ต้องเดินตาม กลัวเขาจะเบื่อ เจ้าแทนบอกว่า "ไม่เอาครับ ผมน่ะเวลาเดินก็จะเดินไปดูแต่การ์ตูนอยู่เรื่อย ดูหนังสืออื่นไม่เป็น ผมก็เลยอยากเดินกับครูบี จะได้รู้ว่าครูอ่านหนังสืออะไรกัน" แหมมีตบท้ายเรียนรู้กันต่ออีกคนละนิดคนละหน่อย

ครูบีรู้สึกว่าเด็กๆ ได้เรียนรู้มากมาย เพียงแค่การมาเดินงานหนังสือด้วยกัน เพราะหนังสือมีหลากหลายมาก กิจกรรมก็มีหลากหลายด้วย พอเขามีเวลาพอ เขาได้เลือกกิจกรรมของตัวเอง แต่ละคนก็เลยได้ไปเรียนรู้ในมุมที่แตกต่างกัน

แชมป์ เอื้อย บิง ป๋อ ก็ไม่กลัวที่จะต้องไปเดินกันเองได้โดยไม่ต้องรอครู (แถมยังบอกอีกว่า สนุกกว่าด้วย)
โบสก็ได้เจอหนังสือที่ถูกใจ ฝังตัวเองลงไปในกองหนังสือเก่า
แทนได้ลองมองหนังสือใหม่ๆ ที่ไม่จำกัดเฉพาะที่ตัวเองชอบ
ครูบีได้รู้ว่า พลอย มักจะเลือกหนังสือเกี่ยวกับแมว และมีความรู้เรื่องการเลี้ยงแมวมาก

แล้วครูก็ได้รู้ว่า การพาเด็กๆ ออกมาพบเจอประสบการณ์ข้างนอกบ่อยๆ เป็นโอกาสให้เขาได้เรียนรู้ (หากในที่นี้หมายความตามทฤษฎี Brain based เขาจะได้เก็บประสบการณ์ที่หลากหลายมากทั้งแบบประสบการณ์ที่รู้ตรงๆ และประสบการณ์ในระดับจิตใต้สำนึกหรือระดับ subconcious) เด็กๆ มีโอกาสเรียนรู้ในแง่มุมที่ตัวเองชอบในวาระของตัวเอง ตัวครูก็ได้รู้จักเด็กในแง่มุมใหม่ ทุกคนได้เก็บเกี่ยวการเรียนรู้กันไปคนละนิดละหน่อย แต่มีความสุข เด็กๆ บอกว่าชอบ และน่าพามาแบบนี้บ่อยๆ

จริงๆ แล้วยังไม่ได้กลับไปสรุปกับเด็กๆ ที่โรงเรียนหรอกค่ะ แต่อยากเอามาเล่าก่อน เพราะครูตื่นเต้นกับการเรียนรู้ของเด็กๆมาก แล้วถ้าพรุ่งนี้ได้ไปพูดคุยกับเด็กๆ ว่ายังไงแล้วเดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ


คืนนี้ต้องขอตัวไปอ่านหนังสือที่ซื้อมาบ้างแล้วล่ะค่ะ

ครูบี